.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันพฤหัสบดี (26 ม.ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2565 ที่สูงเกินคาด ซึ่งช่วยให้ตลาดคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,949.41 จุด เพิ่มขึ้น 205.57 จุด หรือ +0.61%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,060.43 จุด เพิ่มขึ้น 44.21 จุด หรือ +1.10% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,512.41 จุด เพิ่มขึ้น 199.06 จุด หรือ +1.76%

 

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการ GDP ไตรมาส 4/2565 ครั้งที่ 1 โดยระบุว่า GDP ขยายตัว 2.9% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.8% หลังจากขยายตัว 3.2% ในไตรมาส 3 โดยได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงสิ้นปี 2565

 

แครอล เชลฟ์ นักวิเคราะห์จากบริษัท BMO Family Office กล่าวว่า “ตัวเลข GDP ที่ออกมาดีเกินคาดสะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังแข็งแกร่งแม้ถูกกระทบจากการที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ตลาดขานรับข้อมูล GDP เพราะมองว่านี่เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่านโยบายการเงินของเฟดทำให้เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นไป (ซอฟต์แลนดิ้ง) ไม่ใช่ถดถอยลง”

 

นอกเหนือจากตัวเลข GDP แล้ว ตลาดยังขานรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ของสหรัฐที่ออกมาดีเกินคาด ซึ่งรวมถึงยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 2.3% สู่ระดับ 616,000 ยูนิตในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพุ่งขึ้น 5.6% ในเดือนธ.ค. ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.5%

 

หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 3.32% และดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยพุ่งขึ้น 2.03% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวลง 0.28%

 

หุ้นเทสลาทะยานขึ้น 10.97% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2565 ที่ระดับ 1.19 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.13 ดอลลาร์ นอกจากนี้ นายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลาได้แสดงความเชื่อมั่นว่า เทสลาจะสามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้ถึง 2 ล้านคันในปีนี้ เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น

 

หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 4.9% หลังบริษัทประกาศซื้อหุ้นคืนมูลค่า 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ และเพิ่มการจ่ายเงินปันผลจาก 1.42 ดอลลาร์ต่อหุ้น เป็น 1.51 ดอลลาร์ต่อหุ้น

 

หุ้นอินเตอร์เนชั่นแนล บิสซิเนส แมชชีน (ไอบีเอ็ม) ร่วงลง 4.5% หลังบริษัทประกาศปลดพนักงาน 3,900 ตำแหน่ง ซึ่งคิดเป็น 1.5% ของจำนวนพนักงานทั้งหมดในองค์กร เนื่องจากผลประกอบการไม่เป็นไปตามเป้า

 

หุ้นคอมแคสต์ ซึ่งเป็นสื่อยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ดีดตัวขึ้น 0.77% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2565 ที่ระดับ 82 เซนต์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 77 เซนต์ อย่างไรก็ดี คอมแคสต์เปิดเผยว่า ลูกค้าอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงมีจำนวนลดลง 26,000 ราย เนื่องจากผลกระทบของพายุเฮอริเคนเอียน (Ian) ที่พัดถล่มรัฐฟลอริดาและเซาท์แคโรไลนา และสร้างความเสียหายต่อบ้านเรือนของลูกค้าในภูมิภาคดังกล่าว

 

ข้อมูลจากรีฟินิทิฟ (Refinitiv) ระบุว่า ขณะนี้บริษัทกว่า 1 ใน 4 ที่จดทะเบียนในดัชนี S&P500 ได้รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 4/2565 แล้ว โดยในจำนวนนี้มี 69% ที่รายงานผลประกอบการดีเกินคาด ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 67% ในวันพุธ (25 ม.ค.)

 

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนธ.ค.ของสหรัฐในวันนี้  โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค อีกทั้งมีความครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)

 

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในสัปดาห์หน้า ขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในการประชุมวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ. หลังดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว

 

ที่มา  สำนักข่าวอินโฟเควสท์