.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเกือบ 400 จุดในวันอังคาร (22 พ.ย.) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง หลังจากเบสท์บาย ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกสินค้าอิเลกทรอนิกส์รายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด นอกจากนี้ การดีดตัวขึ้นของราคาน้ำมันยังเป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,098.10 จุด พุ่งขึ้น 397.82 จุด หรือ +1.18%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,003.58 จุด เพิ่มขึ้น 53.64 จุด หรือ +1.36% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,174.41 จุด เพิ่มขึ้น 149.90 จุด หรือ +1.36%

 

เบสท์บายเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3 ที่ระดับ 1.38 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.03 ดอลลาร์ นอกจากนี้ เบสท์บายคาดการณ์ว่ายอดขายในปีงบการเงิน 2565 จะลดลง 10% ซึ่งน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะลดลง 11% พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นว่าแคมเปญลดแลกแจกแถมจะสามารถดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้น

 

ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของเบสท์บายช่วยให้นักลงทุนมีความหวังว่า กลุ่มบริษัทค้าปลีกของสหรัฐจะสามารถรับมือกับวิกฤตเงินเฟ้อได้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ภาวะเงินเฟ้อได้ส่งผลให้ผู้บริโภคลดการใช้จ่ายสินค้าจำพวกเสื้อผ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้า และหันไปใช้จ่ายเฉพาะสินค้าที่จำเป็น เช่น อาหาร

 

หุ้นเบสท์บาย ทะยานขึ้น 12.71% และช่วยหนุนหุ้นบริษัทค้าปลีกรายอื่น ๆ ด้วย โดยหุ้นโลว์ส พุ่งขึ้น 1.99% หุ้นวอลมาร์ท ดีดตัวขึ้น 0.34% หุ้นเมซีส์ อิงค์ พุ่งขึ้น 4.05% หุ้นนอร์ดสตรอม พุ่งขึ้น 6.56% หุ้นโคห์ลส์ คอร์ป พุ่งขึ้น 4.2%

 

หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมัน หลังจากซาอุดีอาระเบียยืนยันว่าไม่ได้หารือกับสมาชิกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) เกี่ยวกับการปรับเพิ่มกำลังการผลิต ทั้งนี้ หุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 2.9% หุ้นเชฟรอน ดีดขึ้น 2.57% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ทะยานขึ้น 3.68% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ พุ่งขึ้น 3.64%

 

นอกจากนี้ การร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาตราสารหนี้ทั่วโลกซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองด้วยนั้น ช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนในการชำระหนี้ของบริษัทจดทะเบียน โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีร่วงลงสู่ระดับ 3.771% เมื่อคืนนี้

 

หุ้นซูม วิดีโอ คอมมูนิเคชันส์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ดิ่งลง 3.87% หลังจากบริษัทปรับลดตัวเลขคาดการณ์รายได้ประจำปีนี้ สู่ระดับ 4.37-4.38 พันล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.40 พันล้านดอลลาร์

 

นักลงทุนยังคงประเมินการแสดงความเห็นของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยนางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ ย้ำว่าการฉุดอัตราเงินเฟ้อให้ชะลอตัวลงยังคงเป็นภารกิจที่สำคัญของเฟด ขณะที่นางเอสเธอร์ จอร์จ ประธานเฟดสาขาแคนซัส ซิตี้กล่าวว่า เฟดจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระดับที่สูงขึ้นและตรึงดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวเป็นเวลานานขึ้น เพื่อชะลออุปสงค์ของผู้บริโภคและควบคุมเงินเฟ้อ

 

นักลงทุนจับตาการแสดงความเห็นของนายเจมส์ บูลลาร์ด รองประธานเฟด ก่อนที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) จะเปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนพ.ย.ในวันนี้ (23 พ.ย.) เพื่อบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด

 

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์